หนี้เสีย (NPL) ในระบบการเงินไทย: ความหมาย สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางรับมือ
บทนำ
หนี้เสีย หรือสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-Performing Loan: NPL) เป็นตัวชี้วัดสำคัญของเสถียรภาพระบบการเงิน เพราะสะท้อนความสามารถของครัวเรือนและธุรกิจในการชำระหนี้ หาก NPL เพิ่มขึ้น สถาบันการเงินต้องกันสำรองมากขึ้นและมักเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลต่อสภาพคล่องของเศรษฐกิจจริง ทั้งในมิติการบริโภค การลงทุน และความเชื่อมั่น
Key takeaways :
NPL คือ “ปลายทาง” ของสินเชื่อที่เสื่อมคุณภาพ โดยเกณฑ์สากลมักยึด ค้างชำระเกิน 90 วัน หรือ เข้าข่าย “unlikely to pay”
ธปท. ใช้กรอบ “NPL หรือ Stage 3” ในการสื่อสารคุณภาพสินเชื่อ และติดตาม Stage 2 (SICR) ควบคู่กัน
ไตรมาส 3/2568: Stage 3 ราว 544.0 พันล้านบาท, NPL ratio 2.94%, และ Stage 2 ratio 7.24%
การรับมือที่มีประสิทธิภาพคือ “ตัดวงจร” ก่อนเข้าสู่ Stage 3 ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้/วินัยกระแสเงินสด และการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ

1) NPL คืออะไร: นิยามและการจัดชั้นสินเชื่อ
NPL (Non-Performing Loan) คือสินเชื่อที่ “ไม่ก่อให้เกิดรายได้” หรือมีความเสี่ยงสูงว่าจะไม่ได้รับชำระคืนตามสัญญา โดยนิยามสากลที่อ้างอิงกันมากในกรอบ Basel ระบุเงื่อนไขหลัก 2 แบบ คือ
ค้างชำระเกิน 90 วัน (บนภาระหนี้ที่มีนัยสำคัญ) และ/หรือ
ลูกหนี้เข้าข่าย “unlikely to pay” คือมีเหตุอันควรเชื่อว่าไม่น่าชำระหนี้ได้ครบถ้วนโดยไม่ต้องพึ่งการบังคับหลักประกัน
NPL ในบริบทไทย: “NPL หรือ Stage 3”
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ใช้คำว่า “NPL หรือ Stage 3” ในรายงานภาพรวมระบบธนาคาร และติดตาม Stage 2 (SICR: Significant Increase in Credit Risk) ควบคู่กัน เพื่อมองภาพ “ความเสี่ยงก่อนเป็น NPL”
ทำไมต้องดู Stage 2 คู่กับ NPL
การมอง NPL อย่างเดียวอาจ “ช้าเกินไป” เพราะ NPL คือปลายทางของวงจรความเสื่อมคุณภาพสินเชื่อที่มักเดินลำดับดังนี้
ค้างชำระระยะสั้น → Stage 2 (ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ) → Stage 3 (NPL)
ดังนั้น การบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพควร “คุมให้ได้ตั้งแต่ Stage 2” เพื่อหยุดการไหลไปสู่ NPL
ตัวชี้วัดที่มักใช้ร่วมกัน
NPL ratio: สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม
Stage 2 ratio (SICR): สัดส่วนสินเชื่อที่ต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด
NPL coverage ratio: เงินกันสำรองต่อ NPL (สะท้อน “กันชน” ของระบบธนาคาร)

2) ภาพรวมสถานการณ์ล่าสุดในระบบธนาคารไทย (ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย.)
ข้อมูลล่าสุดจากรายงาน Banking Sector Quarterly Brief ไตรมาส 3/2568 ระบุว่า
ยอดคงค้าง Stage 3 (NPL) อยู่ที่ 544.0 พันล้านบาท
NPL ratio อยู่ที่ 2.94% (เพิ่มขึ้นบางส่วนเพราะฐานสินเชื่อรวม “หดตัว”)
Stage 2 ratio เพิ่มขึ้นเป็น 7.24%
หากมองย้อนหลัง ไตรมาส 1/2568 ธปท. รายงานว่า NPL อยู่ที่ 548.1 พันล้านบาท และ NPL ratio 2.90% โดยแรงกดดันสำคัญมาจาก SMEs และสินเชื่อที่อยู่อาศัย
ขณะที่รายงานภาพรวม Q4/2567 และทั้งปี 2567 ระบุว่า NPL ลดลงเป็น 532.1 พันล้านบาท และ NPL ratio 2.78% พร้อมทั้งชี้ว่าระบบธนาคารยังมีเงินกองทุน สภาพคล่อง และการกันสำรองอยู่ในระดับสูง
ในมิติ “กันชนระบบ” รายงาน Q4/2567 ยังแสดง NPL coverage ratio 177.1% (Q4/2024) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ช่วยสะท้อนความสามารถในการรองรับความเสียหายจาก NPL ได้ในระดับหนึ่ง
หมายเหตุเชิงตีความ: ตัวเลข NPL ที่ “ทรง/ลด” ไม่ได้แปลว่าความเสี่ยงหมดไป เพราะ Stage 2 ที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณว่ากลุ่มลูกหนี้บางส่วนเริ่มอ่อนแรง จำเป็นต้องติดตามคุณภาพหนี้ต่อเนื่อง

3) สาเหตุของ NPL: มองผ่าน 3 มิติ
3.1 มหภาค: รายได้ฟื้นไม่เท่ากัน + ภาระดอกเบี้ย + ความไม่แน่นอน
เมื่อรายได้ของบางกลุ่มฟื้นช้า แต่ภาระผ่อนชำระยัง “ตึง” ความเสี่ยงค้างชำระจะสะสมง่ายขึ้น โดย ธปท. เน้นการติดตาม ความสามารถชำระหนี้ (debt serviceability) ของ SMEs และครัวเรือนท่ามกลางสภาวะการเงินที่ตึงตัวและเศรษฐกิจที่ชะลอ
นอกจากนี้ ภาพหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง โดย Reuters รายงานว่าอัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ณ สิ้น Q4/2024 อยู่ที่ 88.4% แม้ลดลงเล็กน้อย แต่ยอดหนี้รวมยังเพิ่มขึ้น
3.2 ระดับอุตสาหกรรม/พอร์ตสินเชื่อ: SMEs และอสังหาฯ เป็นจุดเปราะ
ในปี 2568 ธปท. ระบุว่าการปล่อยกู้ให้ SMEs และสินเชื่อผู้บริโภค ยังหดตัว สอดคล้องกับความเสี่ยงเครดิตที่สูงขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ธปท. ชี้ว่าความสามารถทำกำไรของภาคธุรกิจอ่อนลงในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่สอดคล้องกับตลาดที่อยู่อาศัยซบเซา ซึ่งเป็นช่องทางที่ความเสี่ยงอาจส่งผ่านไปสู่ NPL ทั้งฝั่งผู้ประกอบการและผู้กู้รายย่อย
3.3 ระดับลูกหนี้: โครงสร้างหนี้ไม่สอดคล้องรายได้
ในทางปฏิบัติ NPL มักเกิดจาก “โครงสร้างหนี้” ที่ไม่สอดคล้องรายได้ เช่น
ผ่อนหลายก้อนพร้อมกัน (บ้าน/รถ/บัตร/สินเชื่อส่วนบุคคล)
รายได้ผันผวน (โอทีลด ยอดขายตก งานฟรีแลนซ์ไม่สม่ำเสมอ)
ขาดเงินสำรองฉุกเฉิน
ธุรกิจมีรอบรับเงิน–จ่ายเงินไม่สมดุล (cash conversion cycle ติดลบ)
สัญญาณเตือนที่พบบ่อยคือ “เริ่มหมุนหนี้” หรือ “จ่ายขั้นต่ำต่อเนื่อง” และเริ่มค้างชำระบ่อยขึ้น แม้ยังไม่เป็น NPL แต่มีโอกาสไหลไป Stage 2/Stage 3 ได้

4) ผลกระทบของ NPL ต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์
4.1 ต่อสถาบันการเงิน: กันสำรองสูงขึ้น → ปล่อยกู้ยากขึ้น
เมื่อ NPL เพิ่ม ธนาคารต้องบริหารความเสี่ยงเข้มขึ้นและกันสำรองมากขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ “คัดเลือก” มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มความเสี่ยงสูง ซึ่งสอดคล้องกับรายงาน ธปท. ที่สะท้อนสินเชื่อรวม “หดตัว” ในช่วงปี 2568
4.2 ต่อลูกหนี้: ต้นทุนสูงขึ้น และเครดิตในอนาคตแคบลง
ผลที่เกิดกับลูกหนี้มักประกอบด้วย
ภาระดอกเบี้ย/ค่าปรับ/ค่าติดตามทวงถามเพิ่ม
คะแนนเครดิต/ประวัติเครดิตเสีย ส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต
หากมีหลักประกัน อาจเข้าสู่กระบวนการบังคับหลักประกันตามเงื่อนไขสัญญา
4.3 ต่อเศรษฐกิจจริง: เครดิตตึง → การบริโภคและลงทุนชะลอ
เมื่อเครดิตตึง การใช้จ่ายและการลงทุนมักชะลอ ทำให้การฟื้นตัวเปราะบาง โดย ธปท. เน้นการติดตามความสามารถชำระหนี้ของ SMEs และครัวเรือนต่อเนื่อง
4.4 ต่อตลาดอสังหาฯ/การประมูล: NPL มีหลักประกัน → เชื่อมไปสู่ NPA
หนี้ที่มีหลักประกัน (โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย/อสังหาฯ เชิงพาณิชย์) หากฟื้นตัวไม่ได้ อาจกลายเป็น NPA (Non-Performing Asset) หรือ “ทรัพย์รอขาย/ทรัพย์หลุดจำนอง” ทำให้ตลาดมือสองและตลาดประมูลมีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่ตลาดซื้อขายปกติชะลอตัว

5) วิธีจัดการ NPL ในระบบ: จากการช่วยเหลือถึงการจัดการหนี้ที่ฟื้นไม่ได้
การจัดการ NPL โดยทั่วไปมี 3 กลุ่มเครื่องมือหลัก
5.1 การปรับโครงสร้างหนี้/มาตรการช่วยเหลือ (Early intervention)
แนวคิดสากลให้ความสำคัญกับการนิยามหนี้ด้อยคุณภาพ/หนี้ผ่อนปรน (forbearance) และการติดตามหลังผ่อนปรนเงื่อนไข เพื่อป้องกัน “ยืดปัญหา” โดยไม่แก้ความสามารถชำระหนี้จริง
ในฝั่งไทย ธปท. สื่อสารถึงการติดตามประสิทธิผลของมาตรการช่วยเหลือ และระบุว่าโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ช่วยบรรเทาภาระหนี้ของ SMEs และครัวเรือนเปราะบางได้ในระดับหนึ่ง
5.2 การกันสำรอง/บริหารพอร์ต/ตัดจำหน่าย (Balance sheet management)
การตั้งสำรองและบริหารพอร์ตช่วยรักษาเสถียรภาพของงบดุล โดยรายงาน ธปท. ชี้ว่าระบบธนาคารยังมีเงินกองทุน สภาพคล่อง และระดับการกันสำรองที่แข็งแรง
5.3 การโอน/ขายหนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญ (AMC) และการบังคับหลักประกัน
เมื่อหนี้ “ฟื้นไม่ได้” การโอนขาย NPL/NPA ไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) หรือดำเนินการตามกระบวนการหลักประกัน เป็นอีกทางเลือกในการเร่งจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ทั้งนี้รายละเอียดขึ้นกับกฎหมาย สัญญา และเงื่อนไขแต่ละกรณี)
ในระดับนโยบาย รัฐบาลยังมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้บางกลุ่ม เช่น มาตรการสำหรับลูกหนี้นอนแบงก์ที่ครอบคลุมการลดค่างวดและลดอัตราดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่กำหนด (ตามรายงาน Reuters)

6) ข้อเสนอเชิงปฏิบัติ: ลดโอกาสไหลสู่ NPL
สำหรับ “ลูกหนี้รายย่อย”
ติดต่อเจ้าหนี้ให้เร็ว ตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณ “ตึงมือ” อย่ารอให้ค้างเกินหลายงวด
ทำงบกระแสเงินสด 3–6 เดือน แยก “รายได้แน่นอน/ไม่แน่นอน” และ “รายจ่ายจำเป็น/ไม่จำเป็น”
เลือกเครื่องมือปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะ เช่น ยืดระยะเวลา ลดค่างวดชั่วคราว รวมยอดหนี้ (ถ้าเงื่อนไขเหมาะ)
หยุดก่อหนี้ใหม่ระหว่างฟื้นตัว โดยเฉพาะหนี้หมุน (บัตร/สินเชื่อส่วนบุคคล)
กันเงินสำรองฉุกเฉิน เป้าหมายขั้นต่ำให้เริ่มจาก 1 เดือนก่อน แล้วค่อยขยาย
สำหรับ “SMEs/ผู้ประกอบการ”
จัดทำ Cash flow รายสัปดาห์/รายเดือน และติดตามลูกหนี้การค้าให้เข้ม
ทบทวน รอบรับเงิน–จ่ายเงิน (เครดิตเทอม, สต๊อก, ค่าใช้จ่ายคงที่)
ประเมินความสามารถชำระหนี้แบบ Stress test (ยอดขายลด 10–20% ยังอยู่รอดไหม)
หากเริ่มมีสัญญาณอ่อนแรง ให้รีบคุยธนาคารเรื่อง ปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก
สำหรับ “ฝั่งผู้ให้สินเชื่อ/ระบบ”
กรอบ Responsible Lending ช่วยให้การปล่อยสินเชื่อเป็นธรรมและยั่งยืน โดย ธปท. มีแนวทาง/หลักเกณฑ์ “การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ” ให้สถาบันการเงินยึดเป็นมาตรฐาน
สรุป
NPL คือ “สัญญาณเตือน” ที่เชื่อมโยงรายได้ สภาพคล่อง และความเสี่ยงของระบบการเงิน ข้อมูล ธปท. ล่าสุด (ไตรมาส 3/2568) ระบุว่า NPL/Stage 3 อยู่ที่ 544.0 พันล้านบาท และ NPL ratio 2.94% พร้อม Stage 2 ratio 7.24% ซึ่งย้ำความจำเป็นในการติดตามคุณภาพสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง
การบริหาร NPL ที่ยั่งยืนจึงต้องทำ “ครบวงจร” ตั้งแต่การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ การแก้หนี้ก่อนเป็น Stage 3 ไปจนถึงการจัดการหนี้ที่ฟื้นไม่ได้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้เครดิตยังสนับสนุนเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง
แหล่งอ้างอิง (References)
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.). Banking Sector Quarterly Brief (Q3 2025). Bank of Thailand
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.). Banking Sector Quarterly Brief (Q1 2025). Bank of Thailand
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.). Banking Sector Quarterly Brief (Q4 2024 and 2024). Bank of Thailand
Basel Committee on Banking Supervision (BCBS). Definitions of non-performing exposures and forbearance. Basel Committee on Banking Supervision
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.). Responsible Lending Guidelines / Regulations on Responsible Lending. Bank of Thailand
Reuters. Thailand approves support measures for non-bank debtors (Feb 11, 2025). Reuters
Reuters. Thai household debt-to-GDP ratio drops to 88.4 at end-Q4 (Mar 31, 2025). Reuters
