ต่อรองราคาบ้านยังไงให้ได้จริง: เทคนิคแบบมีข้อมูล (คู่มือซื้อบ้านมือสอง/บ้านใหม่)

อยากต่อรองราคาบ้านให้ได้จริงต้องมี “ข้อมูล” ไม่ใช่ต่อมั่ว บทความนี้สรุปวิธีหา Comparable (CMA), เช็กข้อบกพร่อง, คำนวณค่าใช้จ่ายวันโอน และสคริปต์ต่อรองที่ใช้ได้ผล

2 นาทีอ่าน
1 ครั้งที่ดู
ต่อรองราคาบ้านยังไงให้ได้จริง: เทคนิคแบบมีข้อมูล (คู่มือซื้อบ้านมือสอง/บ้านใหม่)

ต่อรองราคาบ้านยังไงให้ได้จริง

การต่อรองราคาบ้าน “ให้ได้จริง” ไม่ได้ชนะด้วยเสียงดังหรือการกดราคา แต่ชนะด้วย เหตุผล + หลักฐาน + แผนตัวเลข เพราะผู้ขาย (หรือธนาคาร/เจ้าของโครงการ) จะยอมปรับเมื่อเห็นว่า “ราคาที่คุณเสนอ” มีที่มาชัด และทำให้ดีลเดินต่อได้เร็ว

บทความนี้จะพาคุณทำ 3 อย่างให้ครบก่อนยื่นราคา:

  1. รู้ “ราคาตลาดจริง” จากทรัพย์เทียบ (Comparable / CMA)

  2. รู้ “ต้นทุนที่ต้องจ่ายจริง” (ซ่อม + โอน + ภาษี + ค่าแฝง)

  3. ยื่นข้อเสนอแบบมืออาชีพ มีสคริปต์และรูปแบบต่อรองให้ใช้ทันที


หลักคิดก่อนต่อรอง: อย่าถามว่า “ลดได้ไหม”

ให้เปลี่ยนเป็นคำถามที่ทรงพลังกว่า:

  • “ถ้าปิดภายใน X วัน ราคา ที่เหมาะสมตามข้อมูล ควรอยู่ที่เท่าไหร่?”

  • “ถ้าผมรับสภาพ/รับโอนเร็ว ขอปรับตาม รายการซ่อม ได้ไหม?”

ผู้ขายมักไม่ชอบคำว่า “ขอลด” แต่จะเปิดใจถ้าคุณเสนอ “ดีลที่ทำให้เขาจบเร็วและชัดเจน”


Step 1: ทำ “CMA ฉบับคนซื้อ” ใน 30 นาที

CMA (Comparative Market Analysis) คือการเทียบกับบ้าน/คอนโด “ใกล้เคียง” เพื่อประมาณราคาตลาดจริง

วิธีหา Comparable ที่ใช้ได้จริง

เลือกทรัพย์เทียบอย่างน้อย 3–5 รายการ โดยให้ใกล้เคียงที่สุด:

  • ทำเลเดียวกัน (โซน/หมู่บ้านเดียวกัน หรือรัศมีใกล้เคียง)

  • ประเภทเดียวกัน (บ้านเดี่ยว/ทาวน์โฮม/คอนโด)

  • ขนาดใกล้เคียง (ตร.ม./ตร.ว.)

  • สภาพใกล้เคียง (รีโนเวทแล้ว/เดิมๆ)

  • ช่วงเวลาประกาศใกล้เคียง (ไม่ใช่ข้อมูลเก่าเป็นปี)

สูตร “ราคาเทียบเร็ว” (ใช้คุยต่อรอง)

  • บ้าน: เทียบ ราคาต่อ ตร.ว. + ปรับด้วยสภาพ/ตำแหน่ง/หน้ากว้าง

  • คอนโด: เทียบ ราคาต่อ ตร.ม. + ปรับด้วยชั้น/ทิศ/วิว/สภาพห้อง

เป้าหมายไม่ใช่ทำให้เป๊ะ 100% แต่ทำให้ “มีกรอบราคา” ที่พูดได้อย่างมั่นใจ


Step 2: ใช้ “ข้อมูลสภาพทรัพย์” เป็นเหตุผลลดราคา

ผู้ขายลดราคาได้ง่ายขึ้นเมื่อคุณชี้เป็น “รายการซ่อมชัดเจน” มากกว่า “รู้สึกว่าแพง”

เช็กลิสต์หัวข้อที่ใช้ต่อรองได้บ่อย

  • รอยร้าว/รั่วซึม/เชื้อรา

  • หลังคา/ฝ้า/น้ำหยด

  • ระบบไฟ (ปลั๊ก, ตู้เมน, สายเก่า)

  • ระบบน้ำ (แรงดัน, ท่อรั่ว, ปั๊ม)

  • ประตู-หน้าต่าง (ปิดไม่สนิท, ยางเสื่อม)

  • ครัว/ห้องน้ำ (ซึม, กลิ่นท่อ, สุขภัณฑ์เก่า)

  • งานสี/พื้น/บวม/โก่ง

ทริค: ถ้าคุณมี “ใบประเมินค่าซ่อมคร่าว ๆ” หรือรายการจากช่าง/ผู้ตรวจบ้าน จะเพิ่มพลังต่อรองขึ้นมาก


Step 3: คำนวณ “ต้นทุนวันโอน” ให้เป็นตัวเลข (แล้วเอามาต่อรอง)

คนซื้อจำนวนมากต่อรองไม่สำเร็จ เพราะพูดเป็นความรู้สึก แต่ถ้าคุณพูดเป็น “ตัวเลขที่ต้องจ่ายจริง” ผู้ขายจะฟังง่ายขึ้น

ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่ทำให้ราคาสุทธิของผู้ซื้อสูงขึ้น:

  • ค่าธรรมเนียมโอน/ภาษี/อากร (แล้วแต่ตกลงว่าใครจ่าย)

  • ค่าส่วนกลางค้าง/ค่านิติ (คอนโด/หมู่บ้าน)

  • ค่าซ่อม-ปรับปรุงก่อนย้ายเข้า

  • ค่าเฟอร์/เครื่องใช้ที่ต้องซื้อเพิ่ม

มุมต่อรองที่ใช้ได้ผล:
“ถ้าผมต้องรับภาระค่า X / ซ่อม Y ขอปรับราคาลงเท่ากับต้นทุนจริงส่วนนี้”


Step 4: เลือก “จังหวะ” ต่อรองให้ถูก

จังหวะดี = โอกาสได้ราคาดี

จังหวะที่ต่อรองง่ายขึ้น

  • ทรัพย์ลงประกาศนาน (ผู้ขายเริ่มอยากจบ)

  • ผู้ขายต้องย้าย/ต้องใช้เงิน/มีเส้นตาย

  • ทรัพย์มีจุดด้อยชัด (ติดถนนเสียงดัง, ห้องทิศร้อน, ต้องซ่อม)

  • ตลาดเงียบ/มีคู่แข่งเยอะในทำเลเดียวกัน

จังหวะที่ต่อรองยาก

  • ทรัพย์ดีมาก มีคนสนใจเยอะ

  • ราคาเปิด “ต่ำกว่าตลาด” อยู่แล้ว

  • ผู้ขายไม่รีบ/ไม่เดือดร้อน


Step 5: วิธีเสนอราคาแบบ “ได้ผล” (ไม่เสียมารยาท)

แทนที่จะพูด “ลดได้ไหม” ให้ใช้โครงนี้:

โครงข้อความเสนอราคา (Copy/Paste ได้)

(1) ชม + ยืนยันความพร้อม
“ชอบบ้านมากครับ ทำเลเหมาะและพร้อมวางมัดจำ/ดำเนินการทันที”

(2) อ้างอิงข้อมูลตลาด
“ผมเทียบทรัพย์ใกล้เคียงขนาดและทำเลคล้ายกัน ราคาอยู่ประมาณ….”

(3) ชี้รายการซ่อม/ต้นทุนจริง
“มีรายการที่ต้องทำเพิ่ม เช่น… งบประมาณประมาณ….”

(4) เสนอราคา + เงื่อนไขที่ช่วยผู้ขาย
“ผมขอเสนอที่ … บาท โดยยืนยันว่าโอนภายใน … วัน และชำระมัดจำทันที”


“ต่อรองแบบมีข้อมูล” 5 เทคนิคที่ใช้ได้จริง

1) ต่อรองด้วย “กรอบราคา” ไม่ใช่ตัวเลขลอย ๆ

อย่ายื่นตัวเลขแบบเดา ให้ยื่นด้วยเหตุผลจาก Comparable + สภาพทรัพย์

2) แยก “ส่วนลดราคา” vs “ผู้ขายซ่อมให้” vs “แถมของ”

ถ้าผู้ขายไม่ลดราคา อาจยอม:

  • ซ่อมจุดสำคัญให้ก่อนโอน

  • แถมเฟอร์/แอร์/ผ้าม่าน

  • ออกค่าโอนบางส่วน

3) ยื่นข้อเสนอที่ “ทำให้จบเร็ว”

ผู้ขายจำนวนมากยอมลดเพื่อแลกกับความแน่นอน เช่น

  • พร้อมวางมัดจำวันนี้

  • พร้อมโอนใน X วัน

  • เอกสารกู้พร้อม / กู้ผ่านแล้ว (ถ้ามี)

4) ให้ “ทางลง” กับผู้ขาย

อย่าต่อรองแบบทำให้ผู้ขายรู้สึกเสียหน้า
ใช้คำว่า “ตามข้อมูล” “ตามต้นทุนจริง” แทน “แพงไป”

5) มีแผนสำรอง (BATNA)

รู้เพดานราคาตัวเอง และรู้ว่าถ้าไม่ผ่านจะไปดูหลังไหนต่อ
คนที่มีทางเลือก มักต่อรองได้ดีที่สุด


ตัวอย่างสถานการณ์ต่อรอง (สั้น ๆ)

เคส A: บ้านราคา 3.50 ล้าน ต้องซ่อม 150,000

  • Comparable เฉลี่ย 3.35–3.45 ล้าน

  • คุณเสนอ 3.30–3.35 ล้าน โดยแนบรายการซ่อม + พร้อมโอนเร็ว

  • ถ้าไม่ลด: ขอให้ผู้ขายซ่อมจุดใหญ่ หรือแบ่งค่าโอน

เคส B: คอนโดมือสอง 2.10 ล้าน ค่าส่วนกลางค้าง + ห้องต้องทำสี

  • ขอให้เคลียร์ค่าส่วนกลางค้างก่อนโอน

  • ต่อรองลดเท่าค่าทำสี/ซ่อม หรือให้แถมเฟอร์


FAQ

ต่อรองกี่เปอร์เซ็นต์ถึงเรียกปกติ?

ไม่มีตัวเลขตายตัว ขึ้นกับทำเล สภาพทรัพย์ และความเร่งของผู้ขาย ให้ยึด “ข้อมูล Comparable + ต้นทุนจริง” เป็นหลัก ไม่ยึดเปอร์เซ็นต์ล้วน

ควรต่อรองรอบแรกแรง ๆ ไหม?

ถ้าแรงเกินข้อมูล ผู้ขายอาจไม่คุยต่อ ให้เริ่มจากราคาที่ “คุณอธิบายได้” แล้วค่อยขยับด้วยเงื่อนไข (โอนเร็ว/มัดจำทันที)

ต่อรองกับโครงการมือหนึ่งทำได้ไหม?

ทำได้ในรูปแบบ “โปร/ของแถม/ส่วนลดวันโอน/ฟรีค่าใช้จ่ายบางรายการ” มากกว่าลดหน้าราคา (ขึ้นกับช่วงแคมเปญ)


สรุป

ต่อรองราคาบ้านให้ได้จริง = ข้อมูลตลาด + รายการซ่อม + แผนค่าใช้จ่าย + ข้อเสนอที่ทำให้ผู้ขายจบเร็ว
ถ้าคุณทำ 5 Step ในบทความนี้ คุณจะต่อรองแบบมืออาชีพขึ้นทันที และได้ราคาที่ “สมเหตุสมผล” มากกว่าเดิม

บทความที่เกี่ยวข้อง